ความสุขคืออะไร ? (What is happiness?) by Ven. Phra Dhana Baran Chakma

วันนี้ผมจะมาชวนคุยเรื่องสำคัญที่สุดของความสุขนะครับ เคยมีคนบอกไว้ครับว่าทุกคนเนี่ยอยากจะมีความสุขด้วยกันทั้งนั้นนะครับ แต่ว่าต้องชาร์จรุสโซ่เนี่ยซึ่งเป็นนักปรัชญาฝรั่งเศสยุค enlightenment เนี่ยนะครับ เขาบอกว่าทุกคนอยากมีความสุขแต่การจะเป็นอย่างนั้นได้แรกสุดเขาต้องเข้าใจก่อนว่าความสุขคืออะไร และนี่คือหัวข้อที่อยากจะมาชวนคุยกันในวันนี้ครับว่าความสุขคืออะไรกันแน่
สำหรับคุณล่ะครับความสุขคืออะไร ลองหลับตาแล้วก็คิดคำตอบในใจของตัวเองอยู่นะครับ สิ่งที่มันน่าสนใจและก็เป็นเรื่องสำคัญมากเลยนะครับ เขาบอกว่าชีวิตของคนเราเนี่ยมันมีแรงผลัก 2 อย่างด้วยกันนะครับ อย่างแรกเลยก็คือถ้าสิ่งใดมีความสุขเนี่ยมันก็จะดึงดูดเอาให้วิ่งเข้าไปหามัน และอีกสิ่งหนึ่งที่เราจะวิ่งหนีมันตลอดเวลานะครับ นั่นก็คือความทุกข์หรือสิ่งที่มันเป็นอันตรายกับชีวิตของเรานะครับ พูดง่ายๆว่าชีวิตเนี่ยก็คือการวิ่งเข้าหาความสุขแล้วก็วิ่งหนีความทุกข์นั่นเองนะครับ แต่ถ้าเกิดว่าเราไม่ถามตัวเองก่อนเลยว่าความสุขคืออะไรเนี่ย เราอาจจะใช้เวลาทั้งชีวิตไปกับการวิ่งไล่ตามสิ่งที่เราไม่ต้องการเลยก็ได้นะครับ ผมนึกถึงคำพูดหนึ่งนะครับของเฮนรีเดวิดทอโรเนี่ย ที่เขาเคยบอกว่าโศกนาฏกรรมที่สุดในชีวิตของคนเราเนี่ยก็ คือการใช้เวลาทั้งชีวิตตกปลาเพียงเพื่อจะพบว่ามันไม่ใช่ปลาตัวที่ต้องการ เพราะฉะนั้นถ้าเกิดเราจะมาชวนคุยกันด้วยความสุขนะครับ อย่างแรกที่น่าจะคุยก็คือว่า ไอ้เจ้าปลาตัวนั้นเนี่ยมันมีหน้าตาเป็นยังไงกันแน่แล้วจริงๆ แล้วเนี่ยเราใช้เวลาตั้งมากมายในชีวิตมาจนถึงอายุเท่านี้เนี่ย เราตกปลาตัวไหนอยู่นะครับกระทั่งตัวเราเองนะครับก็มีความสุขแตกต่างกันไปตามช่วงวัยนะครับ เพราะฉะนั้นการที่เราจะบอกว่าปลาตัวนั้นหน้าตาเป็นยังไงเนี่ยมันก็ยากอยู่เหมือนกัน ลองนึกถึงตัวเองนะครับอย่างผมเนี่ย ผมก็จำได้ว่าตอนเด็กๆเนี่ยความสุขของผมมันง่ายมากเลยนะฮะ ได้ขนมอร่อยๆของเล่นใหม่ก็มีความสุขแล้วนะครับ พอโตขึ้นเป็นวัยรุ่นเนี่ยก็จะยากขึ้นนิดหนึ่ง คือออกไปเล่นกับเพื่อนไปเตะบอลกับเพื่อนนะครับ ก็จะรู้สึกว่าเธอนั้นเป็นช่วงเวลาที่เรามีความสุขนะครับ มาถึงช่วงเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้วเนี่ยก็อาจจะต้องมีข้อแม้ว่าอยากจะจีบใครสักคนติดเลยนะฮะ แล้วก็ถ้าจีบติดแล้วเราก็มีความสุข พอเรียนก็อยากจะเรียนดีสอบเข้าที่นู่นที่นี่ได้นะครับ แล้วก็จบออกมาก็คงอยากจะทำงานดีๆได้ตำแหน่งดีเงินเดือนดี พอแก่ขึ้นมาหน่อยก็จะมีความห่วงเรื่องสุขภาพนะครับ แล้วก็ถ้าไปถึงตอนที่ใกล้จะตายแล้วอาจจะคิดว่าก็ขอจากไปแบบไม่ต้องเจ็บปวดรวดร้าวมากอะไรแบบนี้นะฮะ ก็จะเห็นนะครับว่านายเส้นชีวิตของเราเองเนี่ยความสุขมันก็ยังเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆนะครับ หน้าตามันไม่เคยอยู่กับที่คงเลยนะครับ แต่สิ่งหนึ่งที่ถ้าเราสังเกตนะครับ ก็จะเห็นว่ามีอย่างที่มันเหมือนกันก็คือเราจะมีเป้าหมายอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา แล้วถ้าเกิดเราทำได้เนี่ยเราก็จะเชื่อว่าถึงจุดนั้น เราจะมีความสุขมีบางคนนะครับ เขานิยามความสุขกันไว้นะครับ เป็นนักสังคมวิทยานะครับ เขาบอกว่าความสุขเนี่ยดูได้จากการที่คน คนนั้นเนี่ยชอบชีวิตของตัวเองที่ดำเนินอยู่หรือเปล่า ซึ่งผมว่ามันก็จะตอบยากอยู่เหมือนกันนะครับ เพราะว่าเวลาเราบอกว่าเราโอเคกับชีวิตตอนนี้มากเลยเนี่ย แต่ปรากฏว่าตอนเย็นคนใกล้ตัวเราดันถูกรถชนขึ้นมาก็แปลว่าความสุขมันก็จะพังทลายไปแล้วนะ หรือว่าเราจะมีความสุขกับชีวิตอยู่มากๆเลยตอนนี้แต่พรุ่งนี้ดันไปตรวจเจอว่าตัวเองเป็นมะเร็งกลายเป็นว่าความสุขก็พังทลายไปอีกเช่นกันนะครับ เพราะฉะนั้นเนี่ยจึงดูเหมือนว่าความสุขมันยากมากเลยนะแล้วก็มันเป็นอะไรที่ไม่ยั่งยืนเลยแต่คำถามก็คือมันมีด้วยเหรอไอ้ความสุขที่ยั่งยืนพูดแบบนี้นะครับ ก็เลยมีคนทักขึ้นมาครับว่าหรือเราจะต้องแยกให้ออกนะครับ ระหว่างความสุขที่มันเกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็วหรือที่บางคนเรียกว่าความสนุกหรือความพึงพอใจ และความเพลิดเพลินใจกับความสุขอีกประเภทหนึ่ง คือความสุขที่มันอยู่กับเราไปนานๆครับรู้สึกว่ามันอุ่นๆอยู่ในใจ รู้สึกว่าชีวิตเราประมาณนี้เราก็รู้สึกโอเคกับชีวิต ซึ่งความสุขแบบหลังเนี่ยจะเป็นความสุขที่ไม่ได้จางหายไปอย่างรวดเร็วนะครับ ที่นี่เราจ่ายแยกแยะออกได้ยังไงนะครับ ระหว่างความสุข ความสนุกหรือว่าความเพลิดเพลินใจเนี่ยนะครับ เพื่อความเพลิดเพลินใจใน ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ทุกๆคนเนี่ยน่าจะเคยมีประสบการณ์นะครับ เช่นเราได้กินขนมอร่อยๆนะครับ เราได้ไปเที่ยวในที่สวยๆได้ดูหนังสนุกๆนะครับ ได้ดูคอนเสิร์ตของศิลปินที่เราแบบหลงใหลคลั่งไคล้เนี่ยเราก็รู้สึกว่าเออมันดับเงินมากนะครับ แต่ทันทีที่เหตุการณ์นั้นจบลงมันก็จะกลับมาเป็นภาวะปกติหรือบางทีก็รู้สึกเป็นทุกข์ด้วยซ้ำนะครับ ซึ่งคนส่วนใหญ่เนี่ยรวมถึงผมด้วยนะครับก็มักจะใช้ชีวิตเนี่ยเพื่อที่จะวิ่งไล่ตามสิ่งเหล่านี้นะครับ มันก็ดูคล้ายๆกับเป็นแก้วน้ำที่รั่วนะครับ แล้วก็เราก็พยายามจะเติมน้ำใหม่เนี่ยลงไปในนั้นอยู่ตลอดเวลานะครับ แล้วก็เลยวิ่งไล่หาสิ่งที่จะทำให้เรารู้สึกเพลิดเพลินฟังใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่านะครับ เรามีความสุขในชีวิตแต่ชีวิตกับไม่มีความสุข ก็พอพูดแบบนี้มันก็น่าคิดนะครับ คือมีความสุขมากมายเลยครับ วางเรียงรายกันอยู่ในชีวิตเราแต่หลายครั้งเลยที่เราก็คิดขึ้นมา ว่าพอถึงเวลาเงียบๆเนี่ยมันก็มีความคิดขึ้นมาว่า เออทำไมชีวิตมันไม่โอเคเลย เราไม่พอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่เลยนะครับ แล้วก็หาหนังเรื่องใหม่ดูดีกว่า หรือแบบไม่มีใครจะมาเล่นคอนเสิร์ตอีกไหมนะครับ จะชวนเพื่อนออกไปตั้งวงกินเหล้ากันดีกว่าอะไรแบบนี้มันก็จะเป็นกังวลนะครับว่า ตกลงแล้วเราใช้ชีวิตเพื่อความสุขหรือความสนุกกันแน่นะครับ ผมก็เลยลองไป search ดูนะครับว่าเออแล้วจริงๆแล้วเขาแยก 2 สิ่งนี้ออกจากกันได้ยังไง ระหว่างความสนุกกับความสุขนะครับ ก็เลยไปเจอคุณซันดาร์ พิชัย นะครับซึ่งเป็นผู้บริหารของ Google เนี่ยเขาเป็นคนที่เขียนหนังสือเรื่อง Soap for Happy นะครับ ว่าไม่มีคลิปหนึ่งเขาบอกว่าความสุขเนี่ยมันคือ การมองที่แก้วน้ำที่เราถืออยู่ในมือนะครับ แล้วก็เห็นความจริงของมันทั้งหมดเลย ดูเห็นว่ามันมีน้ำอยู่ครึ่งแก้วแล้วก็ดีใจที่ยังมีน้ำอยู่ แล้วก็เห็นด้วยครับว่า มันก็มีอีกครึ่งแก้วที่มันว่างเปล่านะครับ แต่คนๆนั้นอยากจะถามว่าฉันทำอะไรกับมันได้บ้าง และถ้าทำไม่ได้เนี่ยจะยอมรับมันได้ไหมเพราะฉะนั้นความสุขที่แท้จริงสำหรับคุณซันดาร์ พิชัย นะครับเขาก็บอกว่า มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับความมากหรือน้อยของสิ่งที่เราได้รับมาเลยนะ แต่ว่ามันขึ้นอยู่กับว่าเราคิดยังไงกับสิ่งที่ชีวิตนี้มอบให้กับฉันมาความสุข จึงเป็นผลลัพธ์ของสมการนี้นะครับ ก็คือความรู้สึกของเราเองเนี่ยจากสิ่งที่ได้รับมา ก็คือสิ่งที่ชีวิตนี้มอบให้กับเรามานะครับไม่ว่าแต่เหตุการณ์ใดๆก็ตาม แล้วเอาไปลบด้วยความคาดหวังของเรานี่แหละว่า ชีวิตฉันเนี่ยมันควรจะเป็นยังไงถ้าเกิดว่าเราตั้งความคาดหวังไว้สูงแล้วชีวิตมอบสิ่งบางสิ่งที่เราคาดหวังเนี่ยน้อยกว่าที่เราคิดไว้แน่นอนครับ เราก็รู้สึกว่าฉันยังไม่เป็นสุขเลย แต่ถ้าเกิดว่าเราตั้งความคาดหวังไว้ต่ำเราก็อาจจะรู้สึกว่าเป็นสุขได้ง่ายกว่านะครับ เพราะฉะนั้นเนี่ยวิธีคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ชีวิตมอบให้มามันจึงสำคัญนะครับว่า ใครจะตั้งเพดานของความสุขของตัวเองเนี่ยไว้ตรงไหนนะครับ แล้วใครมีความสามารถในการลดเพดานที่ตั้งไว้ได้มากน้อยแค่ไหนครับนะครับว่า ความสุขเนี่ยคือความรู้สึกสงบและพอใจว่าฉันโอเคกับชีวิตตอนนี้ แล้วซึ่งน้อยคนครับที่จะรู้สึกว่าพอใจกับชีวิตของตัวเอง ซึ่งพอเราไม่พอใจเราก็จะวิ่งออกไปแสวงหาความสนุกแทนนะครับเพราะฉะนั้นจึงเป็นเหตุผลที่เราไปปาร์ตี้ Shopping ของอร่อยนะครับ ซึ่งสาระผมเนี่ยผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติของชีวิตมนุษย์นะครับ เราจำเป็นจะต้องมีสิ่งเหล่านี้อยู่ในชีวิตนะครับไม่งั้นคงจะแห้งแล้งน่าดูแต่สิ่งที่น่าคิดก็คือว่า ถ้าเราวิ่งจนกระทั่งเสพติดหรือว่าวิ่งไปปล่อยคว้าสิ่งเหล่านี้เนี่ยจนมันเหมือนกับไม่มีอะไรยึดเหนี่ยวหรือว่าไม่มีที่สิ้นสุดเลยเนี่ย พอถึงวันหนึ่งที่เราไม่ได้เสพไม่ได้สัมผัสสิ่งเหล่านี้นะครับ แล้วเราเริ่มรู้สึกว่าชีวิตมันว่างเปล่าชีวิตมันไม่มีความหมายหรือว่า เราไม่พอใจกับชีวิตตัวเองเนี่ยมันอาจจะเริ่มน่ากลัวเพราะว่า อาจจะให้เวลาและความสำคัญกับความสนุกมากกว่าความสุขที่แท้จริงจาก ผมก็เลยรู้สึกว่ามันมีสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากก็คือ วิธีคิดในเรื่องต่างๆของชีวิตเนี่ยมีผลมากครับว่า จะทำให้เรามีความสุขหรือว่าไม่มีความสุขนะครับ ก็เลยทำให้คิดถึงเรื่องราวเล็กๆเรื่องนึงนะครับ ที่เคยอ่านพบในหนังสือของ marvelous นะครับ ซึ่งเป็นชาวฝรั่งเศสแล้วก็ไปบวชเป็นนักบวชชาวพุทธสายทิเบตเขาเขียนหนังสือ เรื่องความสุขแล้วก็เล่าให้ฟังว่า ครั้งหนึ่งตอนที่เขาอยู่ที่เนปาลนะครับ แล้วก็ในตอนนั้นเนี่ยเป็นฤดูมรสุมฝนตกลงมาทำให้พื้นเฉอะแฉะเต็มไปหมดเลยนะ แล้วบนพื้นก็มีโคลนเจิ่งนองเต็มไปหมด ทำให้พวกเขาเนี่ยจะต้องเอาอีกเนี่ยมาวางเรียงกันเป็นทางเดินเพื่อที่จะให้เดินแล้วเท้าไม่เปียกนะครับ เพราะเรื่องเสร็จเนี่ยเพื่อนคนหนึ่งก็มองภาพก้อนอิฐที่วางอยู่บนโคลนทั้งหลายเนี่ยนะครับ ด้วยความรู้สึกขยะแขยงนะครับ แล้วเพื่อนคนนั้นก็ค่อยเดินไปบ่นกันอีกทีละก้าวทีละก้าวแต่ระหว่างที่เดินในเขาก็บ่นไม่ขาดปากเลยว่า ถ้าฉันตกลงไปในน้ำโสโครกพรุ่งนี้เนี่ยมันจะเป็นยังไงเนี่ยประเทศนี้นี่อะไรอะไรก็สกปรกไปหมดแล้ว แต่อีกไม่กี่นาทีต่อมาเนี่ยกดว่าเพื่อนอีกคนนะครับ ก็เดินมาแล้วก็กระโดดไปบนก้อนอิฐที่วางไว้กลางคนเหล่านั้นนะครับ ระหว่างนั้นก็ร้องเพลงเป็นจังหวะตามไปด้วยนะครับ ยังเลยแล้วก็แววตาเป็นประกายมากนะครับแล้วเขาก็พูดออกมากับว่ามรสุมเนี่ยมันวิเศษมากเลยนะ มันทำให้เนปาลเนี่ยไม่มีฝุ่นเลยซึ่งทั้งคู่เนี่ยอยู่ในโลกใบเดียวกันนะครับ แต่มองเห็นโลกไม่เหมือนกันเลยแล้วจริงๆนี่เป็นเพียงแค่โลก 2 ใบในโลกใบนี้เท่านั้นเองนะครับ คนจำนวน 70 ล้านคนบนโลกเนี่ยน่าจะมีการมองเห็นโลกที่แตกต่างกันไป 7,000 ล้านแบบนะครับ ผมก็เลยคิดถึงคำเฉยๆคำนึงนะครับว่าสวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจนะครับ ซึ่งค่ำๆเนี่ยบอกถึงการที่ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนเนี่ยมุมมองของตัวเราเองต่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเนี่ยมันมีความสำคัญกับดีกรีของความสุขในใจเรามากๆนะครับ ส่วนเราจะต้องฝึกจิตฝึกใจ แล้วก็ทำตัวยังไงให้มีทักษะของจิตใจที่จะมีความพึงพอใจในชีวิตเนี่ยผมว่าเราอาจจะค่อยๆคลี่เดินออกมาดูนะครับ ในตอนทักไปเพราะผมคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่อยู่ๆจะมาสะกิดบอกกันแล้วก็บอกว่าเฮ้ยลองมองโลกแบบนี้สิแล้วเราจะมีความสุขขึ้นนะครับ ผมเชื่อว่ามันเป็นเรื่องของนิสัยในการที่แต่ละคนจะต้องฝึกฝนหัวใจของตัวเองด้วยนะครับ ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่ผมเองก็ฝึกอยู่เหมือนกันนะครับ สุดท้ายอยากจะขอเล่าเรื่องของท่านติชนัทฮันห์นะครับ ซึ่งพูดถึงความสุขในความธรรมดาไว้อย่างน่าคิดมากนะครับท่านบอกว่า ที่เราตามหาความสนุกเนี่ยเพราะว่า เราเบื่อหน่ายและทนไม่ได้กับความธรรมดาคือเราเนี่ยไม่อยากเป็นคนธรรมดา อยากจะเป็นคนพิเศษนะครับ อยากจะเป็นคนมีชื่อเสียงโด่งดัง แล้วก็ไม่อยากมีชีวิตธรรมดาด้วย อยากจะมีชีวิตที่ท้าทายหรือว่ามีผู้คนชื่นชมนะครับ ไม่อยากอยู่ในที่ธรรมดา ไม่อยากใช้ข้าวของธรรมดานะครับ แต่ว่าหลวงปู่ติชนัทฮันห์เนี่ยบอกว่า ชีวิตส่วนใหญ่ของคนเราเนี่ยล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยเรื่องธรรมดาครับ เราตื่นมาบนเตียงเดิม อาบน้ำห้องน้ำเดิมนะครับ กินข้าวเหมือนเดิม ทำงานแล้วก็กลับบ้านรถติดแล้วก็มาเจอเพื่อนกลุ่มเดิมๆ เจอพ่อแม่พี่น้องในบ้านเหมือนเดิมนะครับ จริงๆแล้วชีวิตนี้มีความเป็นธรรมดาเป็นส่วนใหญ่ แต่เราเรียนรู้สึกว่าไม่พอใจกับความธรรมดาเหล่านี้นะครับ จนกระทั่งจะรู้เรื่องก็ต่อเมื่อเราได้สูญเสียความธรรมดา เหล่านี้ไปในวันใดวันหนึ่งเช่น ถ้าวันหนึ่งพ่อแม่ที่เราเจอทุกวันเนี่ยเกิดเป็นโรคร้ายขึ้นมา หรือว่าลูกเกิดมีปัญหาในชีวิตนะครับ เกิดติดยาหรือเล่นการพนันตัวเรา เองเกิดขาหักวิ่งไม่ได้แบบที่เคยวิ่งนะครับ หรืองานที่ทำอยู่แล้วรู้สึกเบื่อๆเนี่ยวันนี้ถูกไล่ออกจากงานขึ้นมา เราก็จะหวนคิดถึงความธรรมดา ที่เราเคยรู้สึกว่ามันน่าเบื่อมากๆขึ้นมาทันทีนะครับ ก็เลยแนะนำครับว่าให้รู้จักชื่นชมความธรรมดา ที่เรามีและใช้ชีวิตนะครับ

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s